กุมภาพันธ์ 18, 2019, 04:03:17 pm
เว็บบอร์ด
ค้นหา
กระทู้ล่าสุด
หน้าแรก
สมุดภาพ
ช่วยเหลือ
สมัครสมาชิก
การเข้าสู่ระบบ
การปรับแต่งข้อมูลในฟอรั่ม
วิธีการตั้งกระทู้
ข้อความส่วนตัว
การค้นหา
ค้นหา
เข้าสู่ระบบ
ชื่อผู้ใช้งาน:
รหัสผ่าน:
:
สมัครสมาชิก
ติดต่อเรา
Psevikul
>
มุมสนทนา
>
ห้องสมุดเรื่องสั้น
> หัวข้อ:
อะไรก็เกิดขึ้นได้...
หน้า: [
1
]
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
ผู้เขียน
หัวข้อ: อะไรก็เกิดขึ้นได้... (อ่าน 3199 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Rass
Full Member
กระทู้: 118
อะไรก็เกิดขึ้นได้...
«
เมื่อ:
สิงหาคม 12, 2012, 07:19:48 pm »
อะไรก็เกิดขึ้นได้...
ราสส์ กิโลหก
ไพศรีหญิงวัย 50 ปีเจ้าของบ้านชั้นเดียวในหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง นั่งอยู่บนเก้าอี้โซฟากลางบ้านสีหน้าและแววตาเต็มไปด้วยความวิตกกังวล ท่าทางกระสับกระส่ายผุดลุกผุดนั่งตลอดเวลา
ด้านหน้าห่างออกไปไม่มากเป็นทีวีขนาด 23 นิ้วเปิดอยู่ เป็นรายการอ่านข่าวของพิธีกรผู้ชายที่คนรู้จักกันทั่วเมือง รายการของเขาเป็นรายการข่าวภาคดึก มีทั้งข่าวสด ข่าวการบ้านการเมือง
พร้อมกับวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับข่าวที่เขาเอามาอ่าน มีทั้งตำหนิและชื่นชม อันเป็นลักษณะของผู้อ่านข่าวทั่วไป อันแสดงถึงความรอบรู้มากกว่าคนทั่วไป..
หญิงสูงวัยหันหน้ามองไปที่นาฬิกาที่แขวนอยู่ที่ผนังบ้าน พลางถอนหายใจเพราะเวลาขณะนี้เลยครึ่งคืนมาแล้ว เข็มนาฬิกาบ่งว่าเลยเที่ยงคืนมาแล้วเกือบครึ่งขั่วโมง
ถ้าเป็นวันธรรมดาทั่วๆไป ไพศรี หรืออาจารย์ไพศรี จะเข้านอนปกติเหมือนทุกวันในเวลาไม่เกิน 4 ทุ่ม หากแต่วันนี้มีเหตุการณ์บางอย่างทำให้เธอไม่สามารถข่มตาให้นอนหลับได้..
ไพศรีจบการศึกษาระดับปริญญาตรีในสายงานด้านการศึกษา เมื่อจบการศึกษาเธอสอบแข่งขันเป็นข้าราชการสังกัดกระทรวงศึกษาธิการและสอบผ่านได้จึงได้รับการบรรจุเป็น
ข้าราชการครูที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯต่อมาได้แต่งงานกับชิงชัย ครูโรงเรียนเดียวกันที่คบค้ากันมากว่า 10 ปี พร้อมซื้อบ้านและที่ดินที่หมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่งตั้ง
อยู่ย่านชานเมืองกรุงเทพฯ เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยและเป็นรากฐานของครอบครัว
สองสามีภรรยาก็มีบุตรด้วยกัน 1 คนเป็นผู้ชาย และตั้งชื่อว่าดนัย ทั้งไพศรีและชิงชัยเป็นคนเรียนดีเรียนเก่ง ดนัยลูกชายคนเดียวจึงได้รับพันธุกรรมจากพ่อและแม่ ทำให้เขาสมองดีและเรียนเก่ง
ที่สำคัญยังเป็นผู้มีนิสัยสุภาพเรียบร้อย ความประพฤติของดนัยไม่เคยทำให้พ่อแม่ต้องหนักใจ ดนัยจึงเป็นแก้วตาดวงใจของพ่อแม่
เมื่อจบการเรียนระดับมัธยมปลายด้วยคะแนนเป็นเยี่ยม ดนัยเลือกสอบเข้าคณะแพทย์เพราะเด็กเก่งๆจะเลือกคณะนี้ และก็สมความตั้งใจเขาสอบผ่านได้ในเวลาต่อมา
เป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ การเรียนในมหาวิทยาลัยถือเป็นช่องทางของนักเรียนทุกคนเป็นการสลัดคราบนักเรียนไปเป็นนักศึกษา
เพื่อศึกษาหาความรู้เป็นอาชีพและต่อสู้ต่อไปในโลกกว้าง
ความรู้สึกของพ่อแม่ทุกคนอยากให้ลูกเข้าเรียนในสถานที่มีชื่อเสียงเพื่อเป็นอนาคตของลูกในภายภาคหน้า ซึ่งพ่อแม่นั้นจะมีความรู้สึกภูมิใจและดีใจกับสิ่งที่ลูกประสบความสำเร็จ
มากกว่าตัวของลูกเองหลายเท่า ลูกบางคนอาจจะไม่รู้ และที่ร้ายไปกว่านั้นบางคนยังมองข้ามความรู้สึกของพ่อแม่ไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ไม่มีอะไรในโลกที่จะสุขสมหวังหรือมีความสุขได้ตลอดไป ดนัยเข้าเรียนแพทย์ได้ไม่นาน เคราะห์หามยามร้ายได้เข้ามาเยือนอย่างคาดไม่ถึง ชิงชัยหัวหน้าครอบครัวไปร่วมงานกินเลี้ยง
ของสถาบันเก่า ในฐานะศิษย์เก่าตามประเพณีที่ปฏิบัติมากันทุกปี เขาไปทุกปีไม่เคยขาด แต่ปีนี้พระเจ้าลิขิตให้เขาได้ไปเป็นปีสุดท้ายเพราะในช่วงดึกหลังเที่ยงคืนขณะที่กลับรถกลับบ้านพัก
ที่อยู่ชานเมืองฯ รถแล่นมาถึงสะพานแห่งหนึ่งและเกิดเสียหลักตกลงไปในแม่น้ำทั้งคนทั้งรถ กว่าจะมีคนมาช่วยก็ช้าไปชิงชัยได้ขาดใจตายไปเสียก่อน...ในวัย 50 ปี..
มันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ 6 ปีก่อน ไพศรีไม่เคยลืม เพราะเธอและลูกมานั่งกันที่เก้าอี้โซฟาตัวนี้ เพื่อ รอชิงชัยกลับบ้านด้วยความเป็นห่วงเนื่องจากเวลาดึกแล้วสามียังกลับไม่ถึงบ้าน
มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น แต่มันเป็นเสียงจากนรกสำหรับไพศรี เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งว่า ชิงชัยขับรถตกแม่น้ำและเสียชีวิตแล้ว....
******************************************************
ไพศรีลุกขึ้นจากเก้าอี้โซฟา เดินไปที่หน้าต่างพลางมองออกไปที่ประตูรั้วหน้าบ้าน ออกอาการกระวนกระวาย พยายามเงี่ยหูฟังเสียงรถยนต์ของลูกชาย ภาวนาให้มีเสียงรถยนต์มาจอดที่หน้าบ้าน
แต่ก็ผิดหวังเพราะไม่มีเสียงที่ว่ามาให้ได้ยิน ครั้นจะโทรไปตามก็เกรงใจลูกเพราะวันนี้เป็นวันสอบวันสุดท้ายและเป็นปีสุดท้ายของการเรียน พวกเพื่อนๆจึงได้นัดสังสรรค์กัน
หลังจากเหน็ดเหนื่อย จากการเล่าเรียนมาหลายปี..
บรรยากาศด้านนอกบ้านเงียบสงัด เพราะดึกมากแล้ว นานๆจะได้ยินเสียงหมาเห่ามาให้ได้ยิน บ้านเรือนข้างเคียงต่างปิดไฟหลับนอนกันหมด แต่สำหรับไพศรีในขณะนี้ไม่มีความง่วง
มารบกวนเธอแม้แต่น้อย ใจยังคงจดจ่อกับเสียงสวรรค์ คือเสียงรถยนต์ของลูกชายที่จะมาถึงหน้าบ้าน
เหมือนสถานการณ์ไม่เป็นใจ บรรยากาศด้านนอกเริ่มแปรปรวน มีลมก่อตัวขึ้นเกิดเสียงลมกรรโชกพัดอย่างแรงกระทบกับต้นไม้ข้างบ้านดัง ซ่าๆๆ หูแว่วเสียงฟ้าร้องมาแต่ไกล
บนท้องฟ้ามีแสงสว่างเกิดขึ้นเป็นเส้นเหมือนรากฝอยของต้นไม้ วิ่งส่ายไปมา ออกอาการว่าจะมีฝนตกในอีกไม่นาน หญิงสูงอายุออกอาการกระวนกระวายมากขึ้น ฝนจะมาตกอะไรในตอนนี้
ความทุกข์ที่มีอยู่แล้วกลับทวีเพิ่มมากขึ้น เธอคิดว่านี่คือความทุกข์ที่มันแน่นอยู่ในอก ใครไม่เคยประสบจะไม่รู้ว่ามันทรมานต่อร่างกายและจิตใจอย่างไร
ท่ามกลางเสียงลมเสียงฟ้าที่อื้ออึงอยู่นอกตัวบ้าน..
“เพล๊ง !”เกิดเสียงดังสนั่นขึ้นอยู่บริเวณห้องโถงกลางบ้าน
ไพศรีสะดุ้งสุดตัวเธอหันกลับไปที่ต้นเสียง และวิ่งไปที่จุดนั้น พอไปถึงพบว่าสิ่งที่หล่นลงมาจนแตกละเอียดเป็นกรอบรูปถ่ายสมัยเป็นเด็กนักเรียนของดนัยนั่นเอง รูปถ่ายกำลังยิ้มอย่างอารมณ์ดี
ไพศรีหงุดหงิดขึ้นมามันเป็นลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเลย
ยังไม่ทันได้ปรับอารมณ์จากสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว..
“กริ๊งๆๆๆๆๆๆๆๆ” เสียงโทรศัพท์ในบ้านร้องกรีดขึ้นดังสนั่น ไพศรีตกตะลึงทำอะไรไม่ถูกดึกดื่นเที่ยงคืนใครโทรมา หรือว่า ? เธอใจหายวาบๆลมภายในท้องตีสว้านขึ้นมาที่หน้าอก
เสียงโทรศัพท์ยังคงกรีดร้องอย่างต่อเนื่องเหมือนแสดงอาการโกรธ สาวใหญ่ค่อยๆเดินตรงไปที่โทรศัพท์ที่ยังคงกรีดร้องจนเครื่องแทบพัง เอื้อมมือที่สั่นเทาหยิบหูฟังขึ้นมา
ในใจภาวนานึกถึงคุณพระคุณเจ้าที่นับถือ.....
“ฮาโหล ที่นั่นที่ไหนครับ” เป็นเสียงผู้ชาย
ในตอนนี้จิตใจของไพศรีสั่นระรัวจนรู้สึกว่าหัวใจจะหลุดออกมา เธอพูดตอบกลับด้วยเสียงเบาหวิว
“บ้านอาจารย์ไพศรี ค่ะ”
เสียงตามสายเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะตะโกนด้วยเสียงลั่น
“โทรผิดอีกแล้ว โทรศัพท์เป็นบ้าอะไรวะเนี่ย ! ขอโทษนะคุณ อ้อ ! ดึกดื่นแล้วยังไม่หลับนอนอีกหรือคุณ” เขายังแสดงความ
เป็นผู้มีมารยาทกับไพศรี ก่อนจะวางหูดังโครม.
ในยามนี้ความทุกข์ทรมานเข้าโจมตีแม่ของลูกคนหนึ่งอย่างต่อเนื่อง ความรักและห่วงลูกในสายเลือดกลับกลายเป็นหนามแหลมที่ทิ่มแทงใจของผู้เป็นแม่จนแทบจะทนไม่ได้
ในคำที่กล่าวว่าการพลัดพรากทำให้เกิดความทุกข์ เป็นสิ่งที่เป็นจริง เพราะหากดนัยเป็นแค่เด็กข้างบ้าน หรือคนรู้จักกันธรรมดา เธอคงไม่ทุกข์ทรมานขนาดนี้
เปรี้ยง !!เสียงดังสนั่นอยู่ไม่ไกล จนรู้สึกถึงความสั่นสะเทือน ไพศรีตื่นจากภวังค์ พร้อมเดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้โซฟาด้วยความอ่อนล้า ทนไม่ไหวอีกแล้วไพศรีคิดว่า
จะต้องโทรเข้ามือถือของดนัยอีกครั้งเพื่อความสบายใจ
เธอกดเบอร์ไปยังเครื่องของดนัย มีเสียงสัญญาณยาว แต่ไม่ปรากฏมีคนรับสาย
“รับซิลูก ...รับซิ” แต่ไม่มีผู้รับสาย เอ๊ะ มันมีอะไรผิดสังเกตหรือเปล่า ? ใจคอของผู้เป็นแม่ย่ำแย่ลงกว่าเดิม แม้จะพยายามกดโทร
ไปอีกหลายครั้งเหตุการณ์ก็เหมือนเดิม ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา
ที่หน้าจอทีวี ข่าวภาคดึก มีข่าวด่วนเกี่ยวกับอุบัติเหตุ ไพศรีวิ่งไปที่หน้าจอทันที เป็นข่าวรถยนต์เกิดอุบัติเหตุและมีผู้เสียชีวิต มีภาพข่าวแสดงที่หน้าจอด้วย
ช่างกล้องได้ถ่ายตรงบริเวณทะเบียนรถเพื่อเป็นสื่อไปถึงญาติพี่น้องหรือคนรู้จักกับรถคันประสบเหตุ แต่ก็โล่งใจเพราะหมายเลขทะเบียนไม่ใช่รถของดนัย..
แต่ทันใดนั้นมีอีกข่าวตามมา ผู้สื่อข่าวกำลังบรรยายถึงรถเก๋งอีกคันหนึ่งที่เกิดอุบัติเหตุชนกับคอสะพานคอนกรีต ทำให้ผู้ขับขี่กระเด็นตกลงไปในน้ำที่กำลังเชี่ยวกราก
พร้อมทั้งบอกบริเวณที่เกิดเหตุอย่างละเอียด ในข่าวแจ้งว่าพยานที่เห็นเหตุการณ์บอกว่าคนขับรถคันดังกล่าวขับมาด้วยความเร็ว เกิดเสียหลักวิ่งชนคอสะพานดังสนั่น
และเห็นคนที่ขับรถกระเด็นออกจากตัวรถทางกระจกด้านหน้าตกลงไปในแม่น้ำ และจมหายไปทันที คาดว่าคงเสียชีวิตแน่นอน เพราะชนแรงมาก ไพศรียืนดูข่าวด้วยความสนใจ
ผู้สื่อข่าวคนเดิมยังบรรยายต่อไปว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจค้นเอกสารภายในตัวรถ จนรู้ว่าเจ้าของรถคือ....
.
...นายดนัย ...............เป็นนักศึกษาแพทย์ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง …
“ว้าย ! ลูกแม่ ดนัยลูกแม่ ฮือๆๆๆไม่จริงๆๆๆๆๆๆ” สติของเธอขาดผึงไปในทันที...อนิจจาหัวอกของคนเป็นแม่ช่างสูงส่งยิ่งนัก...
**********************
ช่วงเช้าวันรุ่งขึ้น...
“กริ๊งๆๆๆๆๆๆๆๆ”เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นที่สถานีตำรวจแห่งหนึ่ง...
สิบเวรเป็นผู้รับสาย...
“โหล ๆบอกผู้กองกิจจาด้วย พบศพเจ้าของรถคันที่ชนสะพานเมื่อคืนแล้ว มาชันสูตรด้วยครับ” เสียงเจ้าหน้าที่มูลนิธิแจ้งข่าวมายังร้อยเวร.
ในเวลาไล่เลี่ยกัน...
“กริ๊งๆๆๆๆๆๆๆๆ” เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นที่สถานีตำรวจเดียวกัน
สิบเวรคนเดิมเป็นผู้รับ
“ ฮาโหล โทรจากโรงพยาบาล........นะคะขอให้ร้อยเวรมาสอบสวนผู้บาดเจ็บด้วยคะ คงพอให้การได้แล้ว มาด่วนเลยนะคะ”
เสียงหวานๆของนางพยายม....เอ็ย !พยาบาล...
*************************
ณ. โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง หญิงสูงอายุในชุดสุดสวยกำลังประคองชายหนุ่มออกมาที่หน้าโรงพยาบาล พร้อมโบกมือเรียกรถแท็กซี่ซึ่งกำลังวิ่งผ่านมา
“เดี๋ยวไปทำบุญที่วัดกันนะลูก คราวหน้าคราวหลังอย่าจอดรถลงฉี่ในที่เปลี่ยว บุญบารมีพระคุ้มครอง
คนที่ทำร้ายลูกจนสลบและขโมยรถหนีไป จึงรับเคราะห์แทนลูก”
อาจารย์ไพศรีกล่าวกับดนัยลูกรักด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม....
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 25, 2016, 07:59:58 pm โดย Rass
»
บันทึกการเข้า
ชุติมา-ประภัสสร
Global Moderator
Sr. Member
กระทู้: 446
Re: อะไรก็เกิดขึ้นได้...
«
ตอบ #1 เมื่อ:
สิงหาคม 18, 2012, 01:41:08 am »
ดีใจด้วยค่ะ คุณราสส์ ที่มีเรื่องสั้นลงในกุลสตรีแล้ว
บันทึกการเข้า
Rass
Full Member
กระทู้: 118
Re: อะไรก็เกิดขึ้นได้...
«
ตอบ #2 เมื่อ:
สิงหาคม 18, 2012, 09:15:01 am »
..เรียนพี่ชุติมา..
..ขอบพระคุณพี่มากครับที่กรุณาบอกข่าวดี..
..ดีใจครับที่ได้ลงตีพิมพ์..
..จะพยายามเขียนต่อไปครับ.....
บันทึกการเข้า
PeggySueGuerra
Full Member
กระทู้: 237
Re: อะไรก็เกิดขึ้นได้...
«
ตอบ #3 เมื่อ:
สิงหาคม 23, 2012, 06:54:35 am »
ขอบคุณค่ะคุณราสส์ แหมหักมุมได้สุดยอดมาก อย่างนี้เขาเรียกว่าให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัวเร็วจริงๆ แล้วก็ขอแสดงความยินดีที่เรื่องสั้นของน้องได้ตีพิมพ์ในกุลสตรี คุณราสส์นี่เป็นสุดยอดของนักเขียนเรื่องสั้นจริงๆ หวังว่าไม่นานเกินรอคงจะมีหนังสือรวมเรื่องสั้นของราสส์กิโลหกออกวางตลาด จะช่วยอุดหนุนค่ะ
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 23, 2012, 06:56:35 am โดย PeggySueGuerra
»
บันทึกการเข้า
Rass
Full Member
กระทู้: 118
Re: อะไรก็เกิดขึ้นได้...
«
ตอบ #4 เมื่อ:
สิงหาคม 23, 2012, 05:36:08 pm »
..ขอบพระคุณพี่เพ็กกี้มากครับ...
..จะพยายามขีดเขียนต่อไปครับ....โดยอาศัยกำลังใจจากพี่ๆในบอร์ดนี้ครับ..
บันทึกการเข้า
อภิญญา
Full Member
กระทู้: 187
Re: อะไรก็เกิดขึ้นได้...
«
ตอบ #5 เมื่อ:
มกราคม 14, 2013, 11:18:40 pm »
ชอบเรื่องนี้่ค่ะ ตัวอักษรเพียงสองบรรทัด หักมุมเรื่องที่อ่านมาหลายสิบบรรทัดหมดเลย
บันทึกการเข้า
Rass
Full Member
กระทู้: 118
Re: อะไรก็เกิดขึ้นได้...
«
ตอบ #6 เมื่อ:
มกราคม 15, 2013, 05:38:09 am »
ขอบพระคุณ..พี่อภิญญาครับ....
บันทึกการเข้า
หน้า: [
1
]
Psevikul
>
มุมสนทนา
>
ห้องสมุดเรื่องสั้น
> หัวข้อ:
อะไรก็เกิดขึ้นได้...
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระโดดไป:
เลือกหัวข้อ:
-----------------------------
มุมสนทนา
-----------------------------
=> ชมรมรักการอ่าน - เขียนกับประภัสสร เสวิกุล
=> The ASEAN Writers Community
=> 60 หนาว-ร้อน ประภัสสร เสวิกุล
=> โต๊ะข้างหน้าต่าง
=> มุมกาแฟ - จิบกาแฟคุยกันเรื่องงานเขียน
=> มุมนอกชาน - งานอดิเรก
=> ชิงช้าหน้าบ้าน – ส่งผ่านเรื่องราวดีๆ
=> ห้องใหม่ ... ไว้ใส่กลอน
=> ห้องสมุดเรื่องสั้น
-----------------------------
วิธีการใช้งานเวบบอร์ด
-----------------------------
=> วิธีการใช้งานเวบบอร์ด
กำลังโหลด...
Powered by SMF 1.1.8
|
SMF © 2006-2008, Simple Machines LLC
|
Thai language by ThaiSMF