กุมภาพันธ์ 18, 2019, 03:03:31 pm
เว็บบอร์ด
ค้นหา
กระทู้ล่าสุด
หน้าแรก
สมุดภาพ
ช่วยเหลือ
สมัครสมาชิก
การเข้าสู่ระบบ
การปรับแต่งข้อมูลในฟอรั่ม
วิธีการตั้งกระทู้
ข้อความส่วนตัว
การค้นหา
ค้นหา
เข้าสู่ระบบ
ชื่อผู้ใช้งาน:
รหัสผ่าน:
:
สมัครสมาชิก
ติดต่อเรา
Psevikul
>
มุมสนทนา
>
ห้องสมุดเรื่องสั้น
> หัวข้อ:
ลุงบุญ..
หน้า: [
1
]
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
ผู้เขียน
หัวข้อ: ลุงบุญ.. (อ่าน 3366 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Rass
Full Member
กระทู้: 118
ลุงบุญ..
«
เมื่อ:
สิงหาคม 25, 2012, 09:31:12 am »
ลุงบุญ.....
ราส์ส กิโลหก
ในยุค พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัน เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ในช่วงนั้นเศรษฐกิจของประเทศเจริญเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นยุคทองทางเศรษฐกิจ และที่ผมได้สัมผัสตรงๆคือผืนแผ่นดินเกิดการตื่นตัวในการซื้อขายอย่างมากมาย ที่ดินกลายเป็นสินค้าที่มีความต้องการสูง ราคาที่ดินพุ่งพรวดจนคาดคะเนไม่ได้ ราคาซื้อขายปั่นป่วนเพราะความต้องการของตลาด
ชีวิตและความเป็นอยู่ของชาวบ้านเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดด จากดินกลายเป็นดาวแบบไม่น่าเชื่อ
ประมาณ ปี พ.ศ. 2532....
ช่วงนั้นผมนั่งทำงานในตำแหน่งเจ้าหน้าที่บริหารงานช่าง ประจำสำนักงานที่ดินจังหวัดแห่งหนึ่งทางภาคกลาง ซึ่งจังหวัดนี้คนจะรู้จักในนาม “นมดี กระหรี่ดัง” ถ้าพูดคำนี้ออกไปร้อง อ๋อ ! กันทุกคน
ชายคนหนึ่งอายุเกือบ 50 ปี รูปร่างผอมสูงตัวดำๆ แต่งตัวแบบชาวนาทั่วๆไป ในมือถือโฉนดที่ดินแผ่นใหญ่ม้วนกลมๆ เก่ามากจนเห็นเป็นสีเหลือง..
แกเดินเข้ามาในที่ทำงาน และหยุดอยู่ด้านหน้าของฝ่ายรังวัดที่ดิน ยืนมองซ้ายมองขวาอย่าง งงๆ เจ้าหน้าที่ผู้หญิงหน้ากลมๆ ร้องถามว่า จะมาทำอะไรลุง ? แกตอบว่าต้องการมาขอคำปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องที่ดิน..
เจ้าหน้าเชิญแกมาที่โต๊ะผม...
“ สวัสดี ลุง ! เชิญนั่งครับ มีอะไรหรือ ครับ?” ผมทักกับแก พร้อมเชิญให้นั่งที่เก้าอี้หน้าโต๊ะทำงาน..
แกรับไหว้ผม พร้อมหย่อนตัวนั่งบนเก้า อี้ พอแกพูดออกมา โฮ้โห้ ! กลิ่นเหล้าขาวหึ่ง จนผมแทบจะสำลัก..
“ผมขอถามเกี่ยวกับการรังวัดสอบเขตที่ดินของผมหน่อยครับ ?” แกพยายามยื่นหน้ามาพูดกับผม เหมือนกลัวจะไม่ได้ยินที่แกพูด..
ผมถอยเก้าอี้ออกมาให้พ้นรัศมีกลิ่นละมุดเน่า “ ถามได้เลยครับ ผมรอฟังอยู่ลุง ! ” ผมบอกกับแกแบบแหยงๆกลัวจะเมากลิ่นเหล้าที่ออกจากปากแก..
ขอสรุปเลยที่เดียว ลุงบุญแกเป็นเจ้าของโฉนดที่ดินเนื้อที่ประมาณ 50 ไร่อยู่ติดกับถนนใหญ่สภาพที่ดินเป็นที่ทำนา และ ด้านหน้าติดถนนยาวเป็นร้อยเมตร ทำเลสวยจึงมีนายทุน สนใจจะซื้อ แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องให้เจ้าหน้าที่ไปทำการรังวัดสอบเขต ให้เรียบร้อยเสียก่อน แกจึงมาติดต่อเจ้าหน้าเพื่อยื่นคำร้องให้ออกไปดำเนินการให้...
ผมถามแกเล่นๆว่า ตกลงขายไร่เท่าไหร่ ?
แกยิ้มอย่างอารมณ์ดี “ พวกนายหน้าเสนอมา ไร่ละ 1 ล้านบาทครับ รวมทั้งหมด 50 ล้าน ”
ผมดีใจไปกับแกด้วยเงินมากมายขนาดนี้ ใช้ไปทั้งชาติก็ไม่มีหมด.
************************************
ลุงบุญ ไปๆมาๆเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการรังวัดสอบเขตโฉนดของแก และทุกครั้งที่มาติดต่อแกจะแวะมาคุยกับผมทุกครั้ง จนคุยกันถูกคอ..
จนการรังวัดเสร็จสิ้น มีการรังวัดหลักเขตและวิธีการตามระเบียบเรียบร้อย ครบถ้วนขบวนการของการรังวัดสอบเขตที่ดิน ตรงตามความประสงค์ของผู้ซื้อ ทั้งสองฝ่ายจึงนัดทำการโอนกรรมสิทธิ์ซื้อขายกัน ณ สำนักงานที่ดินจังหวัด
วันที่โอนซื้อขายที่ดิน ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายมาพร้อมกันที่สำนักงานที่ดินจังหวัดฯ ผู้ซื้อเป็นอาเสี่ยมาจากกรุงเทพฯ มาพร้อมทนายความถือกระเป๋าเอกสารเดินตามหลังเสี่ยต้อยๆ
ส่วนทางฝ่ายผู้ขายคือลุงบุญก็มากันพร้อมหน้าพร้อมตา แต่เห็นแล้วผมตกใจเพราะกองเชียร์มากันเกือบ 20 คนทั้งก่อนหน้านั้นเวลามาติดต่อเกี่ยวกับเรื่องสอบเขตที่ดิน ลุงบุญจะมาคนเดียวตลอด
ฝ่ายลุงบุญนั้น นอกจากลูกเมียแล้ว ยังประกอบด้วย นายหน้า,ญาติเก่า,ญาติใหม่,คนอยากเป็นญาติ, เพื่อนบ้านที่รู้ข่าว เจ้าหน้าที่ของธนาคารที่ลุงบุญติดต่อให้มารับเงินฝาก..และที่สำคัญบุคคลที่ไม่อาจมองข้ามคือเจ้าหนี้ของลุงบุญ มาร่วมด้วยเหมือนกัน..
**************************************
จากชาวนา จนๆมีหนี้สินรอบตัว กลายเป็นเศรษฐีไปในทันที หลังจากการโอนโฉนดที่ดินเรียบร้อย เงินหลายสิบล้านเข้ามาอยู่ในมือเหมือนฝัน..
ทั้งๆที่ ที่ดินแปลงนี้เมื่อก่อนไร่ละ ไม่ถึงแสน ไปเคี่ยวเข็ญขายกับใครก็ไม่มีใครซื้อเพราะไม่รู้จะซื้อไปทำไม ? พอถึงยุคนายกฯชาติชายเป็นยุคฟองสบู่เฟื่องฟู มีโรงงานต่างๆเกิดขึ้นมากมาย นายทุนต่างชาติขนเงินมาลงทุนในประเทศจำนวนมาก ความต้องการซื้อที่ดินเพื่อทำโรงงานก็มีมากขึ้นเป็นเงาตามตัว ชาวบ้านที่มีที่ดินทำเลดี ต่างขายที่ดินร่ำรวยกันเป็นเป็นเศรษฐีใหม่…จนแทบไม่ต้องทำมาหากินอะไร
ที่ดินของลุงบุญถูกซื้อเอาไปเพื่อก่อสร้างโรงงาน เป็นโรงงานเกี่ยวกับอาหารสัตว์ ผมเคยผ่านไปแถวๆนั้นหลังจากลุงบุญโอนขายไปไม่นาน ก็เห็นโรงงานกำลังก่อสร้าง จากที่ดินทำนาแท้ๆ กลายเป็นชุมนุมชนขึ้นมา เป็นโรงงานขนาดใหญ่พอสมควร ได้ข้อมูลว่าจะจ้างแรงงานหลายร้อยคนที่เดียว..
****************************************
จนวันหนึ่ง ลุงบุญแวะมาหาผมที่ทำงาน คนเราพอมีเงินราศีก็จับจนไม่เหลือเค้าลุงบุญคนเดิม กลายเป็นเสี่ยบุญ ผมหวีเรียบแป้ เครื่องแต่งกายยี่ห้อดีราคาแพง โดยเฉพาะเฟอร์นิเจอร์ประจำตัว นาฬิกาเรือนทองใหม่เอี่ยม สายสร้อยทองหนักเป็นสิบบาทดูเหมือน โซ่ มากกว่าเป็นสร้อยสวมคอ.
แกหิ้วเหล้าแบล๊คเลเบิ้ล ขนาด 1 ลิตรเอาติดมือมาฝาก นั่งคุยกันได้ความว่าแกเอาเงินไปลงทุนวิ่งรถสิบล้อที่ใช้สำหรับขนส่งดิน หิน และลูกรัง.ซึ่งในขณะนั้นธุรกิจแบบนี้กำลังบูมสุดๆ ตามประสาคนมีเงินนับสิบล้านแกออกรถสิบล้อทีเดียว 10 คัน ทั้งๆที่ไม่มีความรู้เกี่ยวกับธุรกิจด้านนี้
ผมก็ฟังแกเล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้ ซื้อนั่นซื้อนี่ โดยเฉพาะซื้อบ้านราคาหลายล้านบาทให้ลูกชายมั่ง ลูกสาวมั่ง ยังอดคิดในใจว่าทำไมไม่ไปหาซื้อที่ดินเปล่าๆไว้บ้าง แต่ไม่กล้าแนะนำมากเดี๋ยวเกิดแกไม่พอใจเอาเหล้ากลับคืน..
ลักษณะแบบนี้ไม่ใช่มีแต่ลุงบุญคนเดียว เจ้าของที่ดินรายอื่นๆถ้าเห็นว่าที่ดินมีราคาก็จะแห่ขายกัน บางหมู่บ้าน ขายที่ดินกับแทบหมดหมู่บ้าน ร้านค้าทองในตลาดขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เพราะพวกเศรษฐีใหม่ชอบใส่ทองอวดกัน
ที่ยอดนิยมสุดๆอีกอย่างคือรถสิบล้อ บ้านไหนพอขายที่ดินได้มีเงินจะไปออกรถสิบล้อทันที ชาวบ้านทุกคนมีความคิดว่า ถ้าใครมีรถสิบล้อจะหาเงินได้ง่าย เนื่องจากงานถมดินเป็นธุรกิจที่เฟื่องมากๆ ในยุคนั้นโรงงานเกิดขึ้นใหม่เหมือนดอกเห็ด งานถมดินจึงมีไม่ขาดสาย ได้เงินง่ายได้เงินเร็ว เศรษฐีใหม่จึงนิยมกัน และก็เป็นการอวดศักดากัน ถ้าบ้านไหนไม่มีรถสิบล้อถือว่ายังไม่มีระดับ..ไม่สมฐานะเศรษฐีใหม่
*********************************************
ต่อมาผมถูกย้ายไปรับราชการที่จังหวัดอื่น นานเกือบ 10 ปีและได้มีโอกาสได้ย้ายกลับมาที่จังหวัดเดิมที่เคยอยู่แต่ตำแหน่งสูงขึ้นกว่าเดิมตามวิถีทางของราชการ วันหนึ่งเจ้านายให้ไปพบผู้จัดการโรงงานอาหารสัตว์แห่งหนึ่ง เพื่อติดต่อเกี่ยวกับการบริจาคสิ่งของในงานวันปีใหม่ของจังหวัด
คนขับรถพาไปที่โรงงานเป้าหมาย ปรากฏเป็นโรงงานที่ซื้อที่ดินจากลุงบุญไปนั่นเอง ผมจำได้เพราะก่อนโรงงานสร้างเสร็จ ผมผ่านไปบ่อยๆ
รถเลี้ยวเพื่อเข้าสู่ตัวโรงงาน ด้านหน้ามีป้อมยามและไม้กั้นรถเข้าออก ยามหรือ ร.ป.ภ. วิ่งออกมาจากป้อม เดินเข้ามาตะเบ๊ะตรง.ด้านที่ผมนั่งอยู่ ผมไขกระจกลง ยามถามผมว่าจะเข้าไปพบใคร.?.
ผมบอกว่าจะมาพบผู้จัดการ ได้โทรนัดกันล่วงหน้าแล้ว ...
ยามยังไม่ยอมเดินไปไหน แกก้มจ้องหน้าผมเขม็ง “ใช่...คุณ........หรือเปล่าครับ ? ” น้ำเสียงแกพูดอย่างดีใจ
พร้อมถอดหมวกออก และยกมือไหว้ผม..
“ลุงบุญ !” ผมร้องเสียงดัง ลุงบุญจริงๆ ด้วย เป็นยังไง ? มายังไง ? กันนี่..
********************************************
หลังจากเสร็จธุระกับผู้จัดการโรงงาน ตอนที่จะกลับออกจากโรงงาน พบลุงบุญมาดักรอผมที่หน้าโรงงาน แกบอกว่าออกเวรแล้วอยากคุยกับผมหน่อย เราจึงไปหาที่นั่งคุยกันที่ร้านอาหารหน้าโรงงาน
ผมร้องสั่งอาหารกับเบียร์เย็นๆ....มีความตั้งใจจะเลี้ยงสหายต่างวัยให้เต็มที่..
สภาพลุงบุญ แปรสภาพจากเสี่ยบุญที่ผมเห็นครั้งสุดท้ายเมื่อเกือบ 10 ปีอย่างสิ้นเชิง..กลายเป็นลุงบุญที่ผมเห็นครั้งแรก คือผอมดำแต่ที่เพิ่มขึ้นมาคือความแก่ชรา หน้าตายับย่นจนแก่เกินอายุ ของวัย 60 ปี
ผมอดถามไม่ได้ว่าทำไมมาเจอแกในสภาพแบบนี้..
แกเล่าว่าช่วงที่มีเงินฮึกเหิมมาก เพราะเงินได้มาง่ายๆจึงไม่ค่อยรู้คุณค่าของเงิน ใครชวนทำอะไรก็เอาด้วย ใครชวนซื้ออะไรก็ซื้อ เพราะมีแต่คนยกย่องเยินยอ จนหลงตัวเอง ใครๆก็เรียกเสี่ยบุญ จนตัวลอย..
รถสิบล้อซื้อด้วยเงินสดที่เดียว 10 คัน เอาไปวิ่งบรรทุกดินเพราะช่วงนั้นธุรกิจถมดินกำลังคึกคัก พอเป็นอาเสี่ยพรรคพวกวิ่งเข้าหาชวนไปรับงานใหญ่ในกรุงเทพฯเป็นโครงการใหญ่ของพวกนักธุรกิจใหญ่ระดับประเทศ ชักแม่น้ำทั้งห้ากล่อมจนเสี่ยบุญใจอ่อน เอาเงินไปดาวน์รถสิบล้อออกมาอีก 20 คัน กะว่าจะเป็นเจ้าพ่อสิบล้อของจังหวัดบ้านเกิด
ลูกเมียไม่ยอมทำงานใช้แต่เงิน เดี๋ยวซื้อรถ เดี๋ยวซื้อบ้าน ทองหยองซื้อใส่กันเต็มตัว ที่สำคัญเล่นการพนันกัน แทงหวยใต้ดินกันตัวหนักๆ ..และที่มารบกวนประจำคือพวกมาขอกู้เงิน..ขัดก็ไม่ได้เพราะญาติตัวเองบ้าง ญาติเมียบ้าง มั่วไปหมด..ถ้าไม่ให้ก็โกรธ ลำเลิกบุญคุณขุดมากันมาตั้งแต่สมัยเก่าก่อนที่ยังยากจนอยู่
**********************************************
ต่อมาเมื่อฟองสบู่แตก เศรษฐกิจ ตกต่ำ บริษัทที่จ้างไปถมดินล้มละลาย เงินหลายล้านเก็บไม่ได้ไม่รู้จะไปเก็บกับใคร ? หนี้สินถูกเบี้ยวหมด ตอนนั้นถ้าทำใจไม่ได้คงได้เป็นผู้ร้ายฆ่าคน....
เพราะไม่ทำงานกันจึงไม่มีรายได้มาจับจ่าย รถสิบล้อที่ซื้อมาทีหลังไม่มีเงินส่งค่างวดก็ถูกยึดไป บ้านหลังใหญ่และสิบล้อที่ซื้อด้วยเงินสด ก็ทยอยขาย จนไม่นานก็เกลี้ยงเหลือแต่ตัว..ที่ดินซักกระแบะมือก็ไม่มี..
“ลูกเมียไปไหนหมดล่ะ ลุง ?” ผมถามถึงครอบครัวแก..
เหมือนจี้ใจดำ แกคว้าแก้วเบียร์ ยกขึ้นซดที่เดียวหมดแก้ว ก่อนตอบแบบเซ็งๆ
“เมียผมตายไปหลายปีแล้ว มันตรอมใจ ส่วนลูกไม่ต้องพูดถึง มันขายบ้านหนีผมไปหมด ตอนนี้ผมอยู่คนเดียวไม่มีใคร ”
“ลุงมาทำงานอยู่นี่ได้ไง ?”
“ ผมไม่มีหนทางไป ก็บากหน้าไปหาผู้จัดการบริษัทที่นี่ ขอทำงานเลี้ยงตัวกันตาย ท่านผู้จัดการจำได้ว่าผมเป็นเจ้าของที่ตั้งเดิม จึงเมตตาให้มาทำงานเป็น ยามนี่แหละ ! ” ดวงตาของแกแดงก่ำ..
เราคุยกันจนเกือบมืด ผมเกรงใจคนขับรถ จึงขอลาแกกลับ ถามว่าบ้านอยู่ไหนจะขับรถไปส่ง..
“ บ้านผมอยู่นี่ ไง?”
แกชี้มือไปที่โรงงานฯ
“กระต๊อบผมตั้งอยู่หลังอาคารโรงงาน ผมกินอยู่ที่นี่แหละ ! ที่ดินของผมไง !”
แกเดินเซๆจากผม ไปยังโรงงานเพื่อกลับ ที่พัก...อ้อ ที่ดินของแก...
ลุงบุญ เสี่ยบุญ กลายเป็น ไอ้บุญในที่สุด....
บันทึกการเข้า
ชุติมา-ประภัสสร
Global Moderator
Sr. Member
กระทู้: 446
Re: ลุงบุญ..
«
ตอบ #1 เมื่อ:
สิงหาคม 26, 2012, 01:39:40 pm »
อืม... อ่านคร่าว ๆ แต่ก็สะกิดต่อมความคิดได้ดี
ขอบคุณคุณราสส์ค่ะ
บันทึกการเข้า
Rass
Full Member
กระทู้: 118
Re: ลุงบุญ..
«
ตอบ #2 เมื่อ:
สิงหาคม 28, 2012, 01:22:30 pm »
...ขอบพระคุณพี่ชุติมา มากครับ..
...ที่กรูณาเข้ามาทักทายครับ..
บันทึกการเข้า
PeggySueGuerra
Full Member
กระทู้: 237
Re: ลุงบุญ..
«
ตอบ #3 เมื่อ:
กันยายน 04, 2012, 09:15:57 pm »
สวัสดีค่ะคุณราสส์ ขอบคุณที่เข้ามาโพสท์เรื่องสนุกๆให้อ่าน เรื่องทำนองนี้ได้ยินบ่อยๆ ถ้าเป็นตัวเราเองที่กลายเป็นเศรษฐีข้ามคืนเราก็คงจะระวังการจับจ่าย แต่บางคนเกิดมาไม่เคยจับเงินก็ไม่มีความยับยั้งชั่งใจ แล้วคนกลุ่มนี้เขาก็ไม่มีอินเทอรน์เน็ทใช้ เลยไม่มีโอกาสอ่านเรื่องของคุณราสส์เป็นอุทหรณ์สอนใจ
และขอขอบคุณคุณราสส์ที่ช่วยทำให้เว็บบอร์ดของเราคึกคัก พักนี้พี่เพ็กกี้ไม่มีเวลาเข้ามาเขียนโน่นเขียนนี่ให้อ่านกัน ได้เรื่องสั้นของคุณราสส์มาช่วยทำให้เว็บบอร์ดของเรามีสีสันขึ้น
บันทึกการเข้า
Rass
Full Member
กระทู้: 118
Re: ลุงบุญ..
«
ตอบ #4 เมื่อ:
กันยายน 06, 2012, 09:51:08 am »
..ขอบพระคุณพี่เพ็กกี้ครับ...
..จะเขียนมาเรื่อยๆครับ..
บันทึกการเข้า
อภิญญา
Full Member
กระทู้: 187
Re: ลุงบุญ..
«
ตอบ #5 เมื่อ:
มกราคม 14, 2013, 10:50:53 pm »
คุณราส
มาตามอ่านค่ะ ทุกวันนี้บางคนเขามีปัญหา มีสติ เขาก็บริหารจัดการได้ไม่ฟุ่มเฟือย ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง เงินก็อยู่ครบ เรื่องแบบนี้มันอยู่ที่ สติ และ ปัญญา สองคำนี้ค่ะ ขอบคุณสำหรับข้อคิดดี ๆ ค่ะ
บันทึกการเข้า
Rass
Full Member
กระทู้: 118
Re: ลุงบุญ..
«
ตอบ #6 เมื่อ:
มกราคม 15, 2013, 05:53:29 am »
..ขอบพระคุณ พี่อภิญญาครับ...
...การมีเงินที่ได้มาง่ายๆ..เหมือนฝัน....
....ทำให้เกิดความฮีกเฮิม...จนครองสติไม่ได้....กว่าจะรู้ตัวก็สายไป..
....และที่สำคัญความฝันแบบนี้มีได้ครั้งเดียวในชีวิต....
...สติและปัญญาดังที่พี่อภิญญากล่าวไว้.....เป็นคาถาอย่างดีครับ.......แต่แปลกคนบางคนกลับท่องไม่เป็น..
บันทึกการเข้า
หน้า: [
1
]
Psevikul
>
มุมสนทนา
>
ห้องสมุดเรื่องสั้น
> หัวข้อ:
ลุงบุญ..
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระโดดไป:
เลือกหัวข้อ:
-----------------------------
มุมสนทนา
-----------------------------
=> ชมรมรักการอ่าน - เขียนกับประภัสสร เสวิกุล
=> The ASEAN Writers Community
=> 60 หนาว-ร้อน ประภัสสร เสวิกุล
=> โต๊ะข้างหน้าต่าง
=> มุมกาแฟ - จิบกาแฟคุยกันเรื่องงานเขียน
=> มุมนอกชาน - งานอดิเรก
=> ชิงช้าหน้าบ้าน – ส่งผ่านเรื่องราวดีๆ
=> ห้องใหม่ ... ไว้ใส่กลอน
=> ห้องสมุดเรื่องสั้น
-----------------------------
วิธีการใช้งานเวบบอร์ด
-----------------------------
=> วิธีการใช้งานเวบบอร์ด
กำลังโหลด...
Powered by SMF 1.1.8
|
SMF © 2006-2008, Simple Machines LLC
|
Thai language by ThaiSMF